ศึกฟุตบอล BMA U17 INVITATION SUPER CUP 2020 ณ สนามศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ผ่านการแข่งขันรอบแรก แบ่งกลุ่มกันไปเป็นที่เรียบร้อย และได้ 8 ทีมผ่านเข้าไปเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศ แบบรอบน็อคเอาท์ เรียบร้อยแล้วเช่นกัน โดยเราจะมาทำความรู้จักกับทั้ง 8 ทีมที่เข้ารอบ และทีมไหนมีโอกาสไปต่อมากที่สุด
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ( รร.โพธินิมิตร )
.jpg)
ผลงานรอบแรก เข้ารอบที่ 2 สายซี วันที่ 30 ต.ค. 63 แพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ( รร.ภัทรบพิตร ) 1-2,วันที่ 6 พ.ย. 63 ชนะ รร. สุรศักดิ์มนตรี 2-1,วันที่ 13 พ.ย. 63 ชนะ รร.อัสสัมชัญ 2-1
โดยรอบ 8 ทีม : วันที่ 19 พ.ย .63 พบ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เวลา 17.30 น.
ดาวเด่นประจำทีม : ภายในทีมมีผู้เล่นที่ถือว่าฟอร์มเด่นอยู่หลายคน อย่างแข้งดีกรีเยาวชนทีมชาติ นิติศักดิ์ อนุลุน ที่จะคอยคุมแดนกลาง หรือจะเป็นภูวดล ไทยเจริญ มิดฟิลด์อีกรายที่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้นแต่คุณภาพฝีเท้าคับแก้ว นอกจากนี้ยังมี กฤตนัย ปุลัมรัมย์ เซ็นเตอร์ ที่อ่านทางบอลได้ดี , อภิวิชญ์ สิงห์งอย แบ๊กขวาที่เติมเกมได้ตลอด รวมถึง ทัศนกวี เพชรประสงค์ ดาวยิงประจำทีม รวมถึงศูนย์รวมใจ ณัฐพงศ์ ช้างพลี กัปตันทีมจอมเก่าที่คุมเกมแดนกลาง

กุนซือ : “โค้ชเบียร์” ธนพัต ณ ท่าเรือ อดีตนักเตะระดับไทยลีกที่มากประสบการณ์คนหนึ่ง หลังแขวนสตั๊ด เมื่อปี 2017 ไปคุมทีมชุดบีให้กับทีมพัทยา ยูไนเต็ด และดูแลอะคาเดมี่ไปพร้อมๆกัน ก่อนที่เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จะดึงมาคุมทัพถือว่าเป็นการคืนถิ่นเก่าที่เขาเคยเล่นในอดีตอีกด้วย แม้ว่าประสบการณ์ในการเป็นโค้ชยังไม่ยาวนานแต่ผ่านการอบรมระดับ บี ไลนซ์ของเอเอฟซีมาแล้ว ดังนั้นพอที่จะมีดีอยู่เหมือนกัน บวกกับประสบการณ์สมัยเป็นเป็นผู้เล่น งานนี้ถือว่าได้วัดกันสนุกแน่นอนด้วยการเล่นระบบ4-3-3 ที่จะเน้นเกมรุก หากทีมไหนประมาทน้ำตกตำได้เช่นกัน
ทรรศนะ : รอบ 8 ทีมหรือก่อนรองชนะเลิศ จะต้องโคจรไปเจอกับผู้เล่นรูปร่างสูงใหญ่อย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (รร. วัดเขียนเขต ) ไม่ใช่งานที่ง่ายแน่นอน เพราะว่าเป็นทีมที่รวมตัวเล่นกันมานาน ระบบทีมดี ผลงานรอบแรกยิงคู่แข่งกระจาย รอบนี้ทำให้เอสซีจี เมืองทางฯ ต้องรัดกุมมากยื่งขึ้น ทว่าการฃจะขาดตัวหลักอย่างน้อย 3 รายจากการติดโทษแบนในรอบนี้คือการบ้านหนักที่ “โค้ชเบียร์” ต้องแก้ไขให้ตก หากสามารถหยุดบอลแดนกลางไม่ได้เล่นง่ายตัดขาดการเชื่อมไปสู่แนวรุกโอกาสของเอสซีจี เมืองทองฯ ก็มีเช่นกัน
โอกาสผ่านเข้ารอบ : 40-50 เปอร์เซ็นต์
โรงเรียน สุรศักดิ์มนตรี

ผลงานรอบแรก- เข้ารอบอันดับ 3 คะแนนดีสุด ,วันที่ 29 ต.ค. 63 ชนะ รร. อัสสัมชัญ 1-0,วันที่ 6 พ.ย. 63 แพ้ เอสซีจี เมืองทองฯ ( รร.โพธินิมิตร ) 1-2,วันที่ 13 พ.ย. 63 เสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ( รร.ภัทรบพิตร ) 1-1 โดย รอบ 8 ทีม : วันที่ 19 พ.ย .63 พบ ชลบุรี เอฟซี เวลา 15.00 น.
ดาวเด่นประจำทีม : ทีมชุดนี้เรียกว่าไม่ต้องอาศัยซุปตาร์ แต่อาศัยทีมเวิร์คช่วยกันเล่นเป็นทีมสู้ด้วยใจเกินร้อยทุกคน แต่หากดูจากฟอร์มในรอบผ่านมา ที่เล่นได้เด่นมีอยู่หลายรายด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ณัฐนนท์ อนันตะบุตร มิดฟิลด์, อนุสรณ์ ทะเลิงรัมย์ กองหน้ากัปตันทีม , ชวัลวิทย์ แซ่เล้า มิดฟิลด์ตัวรุกฝั่งซ้ายที่เติมเกมตลอด และ นิพัทธ์ ทาเหลือง สต๊อปเปอร์จอมขยันที่วิ่งขึ้นลงได้ตลอดทั้งเกมไม่มีหมด

กุนซือ : อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ วงการฟุตบอลขาสั้นไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ เพราะทำทีมมายาวนาน ผ่านความสำเร็จมานับไม่ถ้วนหรือจะเรียกว่าทุกถ้วยของบอลนักเรียนเลยก็ว่าได้ ส่วนดีกรีก็ระดับบี ไลนซ์ หากเป็นมวยก็ต้องบอกว่าครบเครื่อง แถมเป็นต้มยำหม้อไฟอีกด้วย ดังนั้นเรื่องกึ๋นประสบการณ์แก้เกมหรือจัดกระบวนทัพไม่ต้องสืบ พร้อมเจอทุกทีมด้วยระบบการเล่น 3-4-3 ที่เน้นทีมเวิร์คเป็นหลักพร้อมล้มทุกทีมที่มองข้าม
ทรรศนะ : รร.สุรศักดิ์มนตรีเป็นทีมที่เล่นด้วยระบบ และใจเกินร้อยสู้ด้วยความฟิต ไม่ต้องพึ่งซุปตาร์ หากใครเล่นไม่เต็มที่โดนเปลี่ยนออกแบบไม่แคร์ด้วย ทำให้กลายเป็นทีมที่ต่อกรยาก ที่สำคัญเด็กชุดนี้เพิ่งจะผ่านการเป็นแชมป์กรมพละศึกษารุ่น 16 ปีถ้วยก มาหมาดๆ ทำให้ขวัญกำลังใจดีเยี่ยมพร้อมสู้กับทุกทีม แต่การมาเจอกับทีมอะคาเดมี่อย่างชลบุรี เอฟซี อาจจะไม่ง่าย ทว่าอ.สกล เองลั่นพร้อมสู้ แม้ยอมรับเป็นรอง และจากที่เคยปะทะกันมาบ้างแล้วพอจะรู้ทาง งานนี้หากเล่นได้เหมือนนัดที่เสมอบุรีรัมย์ ยูฯนัดสุดท้ายรอบแรก ชลบุรี มีสิทธิ์ปิ๋วได้เหมือนกัน
โอกาสผ่านเข้ารอบ : 45 เปอร์เซ็นต์
%20%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80.jpg)